
สถาบันการขนส่ง จุฬาฯ จัดงานเสวนา “การขนส่งและโลจิสติกส์ไทยในยุคสงครามการค้า” เจาะวิกฤตการค้าโลก และผลกระทบทางการขนส่งที่ไทยต้องเร่งปรับตัว
“นักวิชาการจุฬาฯ เสนอ สงครามการค้ากระทบการขนส่งประเทศไทย ภาครัฐควรเร่งมากำกับดูแลเพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรม พร้อมเร่งหาตลาดใหม่”
วันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สถาบันการขนส่ง ร่วมกับหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน (สหสาขาวิชา) สถาบันเอเชียศึกษา และสถาบันงานวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จัดงานเสวนาสาธารณะในหัวข้อ “การขนส่งและโลจิสติกส์ไทยในยุคสงครามการค้า” ร่วมเจาะลึกประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจที่กำลังเขย่าภาคขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยจากนโยบายของสหรัฐอเมริกา โดยในวงเสวนาประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาการและภาคเอกชน ทั้งการขนส่งระบบราง อากาศ และทางทะเล ตลอดจนการค้า พร้อมร่วมพูดคุยข้อเสนอแนะและแนวทางที่ประเทศไทยควรปรับตัวในอนาคต



รศ.ดร. สมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์ อาจารย์พิเศษ หลักสูตรสหสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน และอดีตผู้อำนวยการสถาบันการขนส่ง เปิดประเด็นวงเสวนาว่า ปัจจุบันสถานการณ์การค้าทั่วโลกมีแต่ผู้ขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อน้อยลง ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าเปลี่ยน อีกทั้งสถานการณ์โลกตอนนี้เองกำลังก้าวเข้าสู่ความผันผวนที่เราคาดการณ์ไม่ได้ นำมาสู่ข้อแนะนำ 4 ข้อ คือ การหาตลาดใหม่ เช่น ประเทศเพื่อนบ้าน หรือโซนแอฟริกาและเอเชียใต้ การลดรายจ่ายทางอ้อม การสร้างแรงขับเคลื่อนในองค์กรให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นพร้อมเพิ่มศักยภาพของคน และการให้ความสำคัญกับข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ พร้อมทั้งย้ำข้อเสนอถึงรัฐบาลว่าควรเข้ามากำกับดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมทั้งไทยและต่างประเทศ ช่วยเอกชนลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และโครงการ Megaproject ต่างๆ



ด้านการค้าทางทะเล คุณบวรสินธุ์ ตันธุวนิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท โงวฮก จำกัด และกรรมการบริหารสถาบันการขนส่ง ชี้ถึงประเด็นการค้าระหว่างประเทศทางทะเลกำลังหาแนวทางใหม่ที่จะทำให้ภาษีต่ำลง แต่มาพร้อมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนเพิ่มเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การต่อเรือ การให้บริการเส้นทางใหม่ พร้อมทั้งเสนอแนะต่อว่าประเทศไทยควรโฟกัสที่โลจิสติกส์เป็นหลัก หากต้องการลดต้นทุนจากสถานการณ์วิกฤตการค้า ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการสายเรือต้องมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตลอดจนพัฒนาความสามารถและทักษะของคนในงาน



สำหรับมุมมองของระบบรางในประเทศไทย คุณภคิน คัมภิรานนท์ ที่ปรึกษาอิสระด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ยกประเด็นถึงการขยายตัวของระบบรางทั่วประเทศ ตามกำหนดของแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ทั้งระดับที่ 1 และ 2 แต่ในตอนนี้ยังคงไม่สามารถดำเนินต่อแผนได้ ตลอดจนประเด็นหัวรถรางที่ใช้งานได้ไม่ครบทั้งหมด จึงนำมาสู่ข้อเสนอแนะ 2 ข้อหลักต่อรัฐ คือ การจัดหาหัวรถจักรประเภท intercity รถไฟระหว่างเมือง ซึ่งเหมาะสมสำหรับไทยมากกว่า และระบบทางเลือกที่หลากหลายขึ้น เช่น ดีเซล ไฮบริด ไฟฟ้า แบตเตอรี่ หรือระบบไฮโดรเจน



ปิดท้ายด้วย ด้านการค้าขาย ดร.สุรัตน์ จันทองปาน รองนายกสมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต (TLAPS) และ ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ. เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ กล่าวว่าในปัจจุบันเราได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา แต่เรากลับเสียดุลกับประเทศจีน อีกทั้งเรื่องของต้นทุนของประเทศไทยที่ไม่สามารถสู้กับประเทศอื่นได้ พร้อมแนะนำว่าไทยควรโฟกัสตลาดในเอเชียหรืออาเซียนมากขึ้น และมีบริการที่หลากหลาย เช่นเดียวกันกับ คุณกัณณ์กรรัตน์ ไตรธนานุบาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซ โกลบอล เอ็กซ์เพรส จำกัด ได้ให้มุมมองถึงความผันผวนของจากสถานการณ์โควิดและนโยบายสหรัฐอเมริกาไว้ว่า ทำให้การคาดการณ์ทางการค้าของไทยยากขึ้น ต่างจากช่วงก่อนที่สามารถวางแผนการค้าระยะยาว 5-10 ปีได้ ภาครัฐจำเป็นต้องพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้รวดเร็ว และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการมากขึ้น
การจัดงานเสวนาในครั้งนี้ มีผู้ที่สนใจร่วมฟังภายในงาน รวมทั้งรับชมผ่าน Facebook Live ประมาณ 130 คน
รับชมเสวนาย้อนหลัง ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/share/v/1FyGkPCUwk/