เชิญศึกษารายงานวิจัยฉบับใหม่ เรื่อง “โครงการการออกแบบนวัตกรรมการเดินทางในเมืองอย่างยั่งยืนในเอเชีย”

โครงการการออกแบบนวัตกรรมการเดินทางในเมืองอย่างยั่งยืน เป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 3 ปี โดยรายงานฉบับสมบูรณ์นี้เป็นการรายงานผลการศึกษาในปีที่ 1 ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านรถแท็กซี่สู่รถแท็กซี่ไฟฟ้า” มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาโครงสร้างรายได้และต้นทุนการให้บริการของผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่) ในปัจจุบัน
2) เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนรวมในความเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership; TCO) ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
3) เพื่อระบุปัจจัย (ด้านคุณลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ ด้านโครงสร้างรายได้และต้นทุนการให้บริการ และมาตรการภาครัฐ) ที่มีอิทธิพลต่อผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
4) เพื่อเสนอแนวทางการผลักดันนโยบายที่มีศักยภาพในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างเปลี่ยนยานพาหนะมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการศึกษาผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลทั้งจากกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สันดาปผ่านการสำรวจด้วยแบบสอบถาม และจากกลุ่มคนขับรถและผู้ประกอบการรถแท็กซี่ไฟฟ้าผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกและประชุมกลุ่มย่อย และได้แบ่งการวิเคราะห์ผลออกเป็น 4 ส่วน คือ
1) วิเคราะห์ต้นทุนและรายได้รวมถึงการให้บริการรถแท็กซี่ของคนขับรถแท็กซี่สันดาปด้วยสถิติเชิงพรรณนา
2) วิเคราะห์ปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าในกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สันดาปด้วยแบบจำลองการถดถอยโลจิสติกส์แบบทวิภาค
3) วิเคราะห์ปัจจัยด้านทัศนคติและการรับรู้ด้านต่าง ๆ ต่อความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าในกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สันดาปด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง และ
4) วิเคราะห์กลไกการเปลี่ยนผ่านสู่รถแท็กซี่ไฟฟ้าของกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ไฟฟ้าด้วยกรอบแนวคิด Socio-Technical Praxis (STP)
จากผลการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมของคนขับแท็กซี่พบว่า กลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่มีความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าคือกลุ่มคนขับที่มีอายุน้อยและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้ง ยังพบว่าต้นทุนเชื้อเพลิงและรายได้ที่สูงในปัจจุบันจะเป็นแรงผลักดันให้คนขับรถแท็กซี่มีความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ดี ระยะทางในการขับขี่ต่อการชาร์จของรถแท็กซี่ไฟฟ้าอาจเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าในกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่มีระยะการขับขี่ต่อวันมากกว่า 300 กิโลเมตร นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าของกลุ่มคนขับรถแท็กซี่เชื้อเพลิง NGV ในปัจจุบัน
จากผลการวิเคราะห์ปัจจัยด้านทัศนคติพบว่าตัวแปรแฝงที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้ามี 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ทัศนคติเชิงบวกต่อรถยนต์ไฟฟ้า ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และการรับรู้เกี่ยวกับตลาดรถแท็กซี่มือสอง โดยเฉพาะการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงและความรู้เกี่ยวกับ EV มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน หากมีการส่งเสริมความรู้ต่อสาธารณะจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับพฤติกรรมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
จากการวิเคราะห์กลไกการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าของกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ในประเทศไทย โดยใช้กรอบแนวคิดแบบบูรณาการระหว่าง Theory of Social Practice (TSP) และ Socio-Technical Systems Theory (STS) ซึ่งเรียกรวมว่า Socio-Technical Praxis (STP) พบว่า กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้เกิดขึ้นในสามระดับ คือ ระดับเฉพาะกลุ่ม (Niche) ระดับกลาง (Meso) และระดับมหภาค (Macro) โดยในระดับเฉพาะกลุ่ม ปัจจัยที่มีอิทธิพลสูง ได้แก่ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง (สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ปัจจัยด้านทัศนคติข้างต้น) ทักษะด้านเทคโนโลยี และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้า ขณะที่ในระดับกลาง พบว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ความเร็วในการชาร์จ และโครงสร้างตลาดเช่ารถมีบทบาทสำคัญ ส่วนในระดับมหภาค พบสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านเชิงระบบผ่านการลดบทบาทของ NGV และความจำเป็นในการหาทางเลือกเชื้อเพลิงใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองการถดถอยโลจิสติกส์แบบทวิภาค
จากผลการศึกษาข้างต้นผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการเปลี่ยนผ่านสู่รถแท็กซี่ไฟฟ้า ดังนี้
- การผลักดันให้เกิดกลุ่ม Early Adopter เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากกลไกการคล้อยตามสังคม โดยในการผลักดันนี้ สามารถพิจารณานโยบายอุดหนุนทางการเงิน อาทิ เงินอุดหนุนโดยตรง การลดหย่อนภาษี สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น หรือพิจารณาจัดทำโครงการส่งเสริมทักษะ ความสามารถ และประสบการณ์ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อาทิ จัดทำโครงการทดลองใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าระยะสั้นด้วยราคาค่าเช่าต่ำ
- สร้างตลาดที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่าน โดยในส่วนของตลาดการให้เช่ารถแท็กซี่ ควรมีนโยบายสนับสนุนการแข่งขันและ/หรือการควบคุมอัตราค่าเช่ารถ และในส่วนของตลาดการให้บริการรถแท็กซี่ ควรมีนโยบายสร้างแรงจูงใจให้เกิดความต้องการใช้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้า เช่น ร่วมมือกับภาคเอกชนในการอำนวยความสะดวกสำหรับคิวรถแท็กซี่ไฟฟ้า ส่วนลดค่าทางด่วน เป็นต้น
- นโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่าน เช่น สนับสนุนให้เกิดการสร้างสถานีชาร์จไฟให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ การกำกับดูแลให้ระบบการชาร์จมีความเสถียรและน่าเชื่อถือ
- พิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับอายุรถสำหรับรถแท็กซี่ไฟฟ้า โดยศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดอายุการใช้งานรถแท็กซี่ไฟฟ้าที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการให้บริการ
- การบริหารจัดการรถแท็กซี่ที่ครบอายุการใช้งาน เพื่อให้คนขับแท็กซี่สามารถประเมินต้นทุนในการเปลี่ยนรถเมื่อครบอายุการใช้งานได้
เชิญศึกษารายงานวิจัยฉบับเต็มที่ได้ที่นี่ http://www.cuti.chula.ac.th/research/4559/