สถาบันขนส่งจุฬาฯ แนะโมเดลระบบคาร์พูลโดยชุมชนจากประเทศญี่ปุ่น ให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น รับมือสังคมสูงวัยในไทย
11 พฤศจิกายน 2568, กรุงเทพมหานคร – สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ International Project Lab, The University of Tokyo จัดสัมมนาวิชาการออนไลน์ Moving Cities: Conversations on Mobility Transitions in Thailand หัวข้อ “Sustainable Shared Mobility as Social Common Capital: Conceptual Framework and Case Analysis” โดยมี Dr. Yosuke Uchiyama นักวิจัยจากสถาบันการขนส่ง จุฬาฯ (CUTI) นำเสนอ
Dr. Yosuke Uchiyama ได้เสนอแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการระบบขนส่งแบบแบ่งปัน โดยอิงจากแนวคิด “ทฤษฎีทรัพยากรร่วม (Commons Theory)” และ “ทุนส่วนรวมทางสังคม (Social Common Capital)” ซึ่งอาจเป็นคำตอบสำหรับประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการเดินทาง เช่น ประเทศไทย

Dr. Yosuke Uchiyama ได้อธิบายแนวคิด “ทฤษฎีทรัพยากรร่วม” ซึ่งมองว่าทรัพยากรบางอย่าง เช่น อากาศ น้ำ หรือแม้แต่ระบบขนส่ง เป็นทรัพยากรที่ประชาชนใช้ร่วมกัน แต่เผชิญปัญหาเรื่องการใช้เกินขนาด ความไม่เป็นธรรม และความไม่ชัดเจนของผู้รับผิดชอบ จึงนำไปสู่แนวคิด “ทุนส่วนรวมทางสังคม (Social Common Capital)” ซึ่งเสนอให้ระบบสาธารณะสำคัญต่าง ๆ ถูกบริหารโดย ผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะ พร้อมด้วย การมีส่วนร่วมและการกำกับดูแลจากประชาชน และการคานอำนาจจากรัฐ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ความเป็นธรรม และการเข้าถึงที่เท่าเทียม ตัวอย่างเช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และระบบ shared mobility ในพื้นที่ชนบท ที่จำเป็นต้องมีโครงสร้างบริหารจัดการที่โปร่งใสและยั่งยืน เพื่อให้ตอบโจทย์ประชาชนระยะยาว
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศตัวอย่างที่นำแนวคิดนี้ไปใช้จริง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ปัจจุบัน ประชากรอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนราว 28% และคาดว่าจะเพิ่มเป็๋นมากกว่าหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมดในอีกสิบปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 13.9% เป็น 15.8% ทำให้พื้นที่ชนบทต้องมองหาระบบขนส่งรูปแบบใหม่เพื่อรองรับความต้องการด้านการเดินทางของผู้สูงอายุ

ในเมืองเล็กของญี่ปุ่น เช่น Teshio และ Nakatombetsu ซึ่งมีประชากรเพียง 2,000–3,000 คน เผชิญปัญหาคล้ายเมืองชนบทของไทย ทั้งการขาดบริการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอสำหรับผู้สูงอายุ เมืองเหล่านี้นำแนวคิด Social Common Capital มาใช้บริหารระบบขนส่งร่วม
ใน Teshio รัฐบาลท้องถิ่นร่วมมือกับชุมชนและได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ เพื่อจัดระบบคาร์พูลต้นทุนต่ำ (small cost-share system) ส่วน Nakatombetsu เทศบาลบริหารระบบคาร์พูลเอง โดยประสานความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญ และเอกชน เช่น แอปพลิเคชัน Uber เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น พร้อมมีการวางระบบตรวจสอบและการจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ระบบมีความยั่งยืนและตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่
Dr. Yosuke Uchiyama ชี้ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัยและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบขนส่ง โดยเฉพาะในชนบทและชานเมืองที่ต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว ขณะที่ระบบในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ แม้มีบริการวินมอเตอร์ไซค์ แต่ยังไม่ครอบคลุมและไม่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล เช่น ไปโรงพยาบาล
การนำแนวคิด Social Common Capital มาประยุกต์ใช้ในระบบขนส่งของไทย ช่วยให้เกิดการบริหารจัดการที่ยั่งยืน โปร่งใส และมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย ทั้งรัฐ เอกชน นักวิชาการ และประชาชน โดยมีระบบตรวจสอบร่วมและการสนับสนุนทางการเงินหลายช่องทาง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการในระยะยาว นอกจากนี้ การสร้างความไว้วางใจในชุมชน การพัฒนาทุนทางสังคม และการจัดการข้อมูลเพื่อเพิ่มความปลอดภัย จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันระบบ Shared Mobility แบบชุมชนให้ประสบความสำเร็จ

สำหรับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยและมีช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบท แนวคิด Social Common Capital อาจเป็นคำตอบของระบบคาร์พูลแบบบริหารโดยชุมชน ที่ไม่เพียงช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเดินทาง แต่ยังสร้างความยั่งยืนและความเป็นธรรมในสังคมไทยในระยะยาว



