
สถาบันการขนส่ง จุฬาฯ เผยการแข่งขันของธุรกิจขนส่งสินค้าภายในวันเดียว สร้างผลกระทบต่อตลาดการแข่งขัน ผู้บริโภคมองข้ามต้นทุนแฝง แนะภาครัฐควรกำกับกฏหมายธุรกิจให้ชัดเจน และภาคเอกชนบีบแรงงานเพื่อลดต้นทุนจนเกินไปหรือไม่?
กรุงเทพฯ, 12 กันยายน 2568 — สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนา “สงครามส่งด่วน จากซีรีส์สู่สนามจริง เศรษฐกิจเปลี่ยนเมือง ใครได้ ใครเสีย?” ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สถาบันเอเชียศึกษา สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สถาบันวิจัยพลังงาน และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันหาแนวทางให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าแบบ last-mile delivery ในประเทศไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภค

เวทีเสวนาหยิบประเด็นจากซีรีส์ “Mad Unicorn สงครามส่งด่วน” สะท้อนการปรับตัวของผู้ประกอบการขนส่งสินค้าแบบ last-mile delivery ผ่านกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยการเพิ่มมูลค่าการให้บริการลูกค้าคนสุดท้าย ให้ได้รับสินค้าภายใน 1 วัน หรือการออกโปรโมชั่นค่าขนส่ง 0 บาท การเสวนาชี้ไปที่ระบบ Same-day delivery หรือการส่งสินค้าภายในวันเดียว ซึ่งแม้จะตอบโจทย์ความสะดวกสบายของผู้บริโภค แต่กลยุทธ์ดังกล่าวกลับสร้างผลกระทบหลายมิติ อาทิ ด้านการตลาดส่งผลให้ผู้บริโภคมีการรับรู้และเคยชินกับการตลาดที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบายเกินความจำเป็น ด้านแรงงานได้รับการผลักภาระและความเสี่ยง ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และความเสี่ยงต่อสุขภาพและอุบัติเหตุมากขึ้น แรงงานกลับต้องรับความเสี่ยงเหล่านี้ไว้เอง จนกระทบความไม่มั่นคงและความเปราะบางในระยะยาว ด้านสังคมจากการเกิดปัญหารถติดที่รุนแรงขึ้น การเพิ่มขึ้นของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
คุณอรรคณัฐ วันทนะสมบัติ นักวิจัยจากสถาบันเอเชียศึกษาเสริมว่า การขนส่งไม่จำเป็นต้องเร่งด่วนเสมอไป เพราะเมื่อผู้บริโภครับรู้บริการดังกล่าวในราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนจริง ในวันหนึ่งหากบริการ “ส่งฟรี ส่งด่วน” ต้องยุติลง ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อสินค้าลง ซึ่งย่อมกระทบต่อการค้าขายโดยรวมของประเทศไทย เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การแข่งขันกันด้านราคาต่ำสุดในตลาด แม้จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงกลับสร้างแรงกดดันให้กับผู้ให้บริการ และการต้องบีบลดต้นทุนจากแรงงานนักปฏิบัติงาน และโดยการปรับเงื่อนไขการจ้างให้เป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น หรือจ่ายค่าตอบแทนแบบรายกล่อง แทนที่จะเป็นพนักงานประจำที่มีสิทธิและสวัสดิการ ทำให้แรงงานตกอยู่ในสภาพเปราะบาง ต้องแบกรับความเสี่ยงเอง ในขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งที่ผู้บริโภคมองว่า “ศูนย์บาท” จริง ๆ แล้วถูกผลักไปให้แรงงานเป็นผู้รับภาระ
เพื่อลดความไม่สมดุลนี้ คุณอรรคณัฐเสนอให้ภาครัฐเข้ามากำกับดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางการค้าของธุรกิจและกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้ครอบคลุมทั้งพนักงานประจำและชั่วคราว ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนควรรักษาต้นทุนค่าแรงให้อยู่ในระดับที่เป็นธรรม ไม่ผลักภาระเกินควรให้กับแรงงาน เพราะท้ายที่สุดผลกระทบจะย้อนกลับมาสู่ความเปราะบางของตลาดโดยรวมของธุรกิจนั้น ๆ เอง ส่วนผู้บริโภคควรมีความตระหนักและเข้าใจว่า “การส่งฟรีหรือส่งด่วน” ไม่ได้หมายความว่าปราศจากต้นทุน หากแต่ต้นทุนถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบของความเสี่ยงและคุณภาพชีวิตแรงงานที่อยู่เบื้องหลังระบบขนส่งนั้น

ดร.กัญญารัตน์ นิ่มตระกูล นักวิจัยจากสถาบันการขนส่ง ชี้ว่าการให้บริการขนส่งภายในวันเดียว คือการแข่งขันกับเวลา ที่ไม่เพียงทำให้ธุรกิจต้องเร่งประสานงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่ยังสร้างต้นทุนแฝงที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะกรณีพัสดุที่ส่งไม่ถึงมือผู้รับและต้องตีกลับ ซึ่งสะท้อนภาระที่กดดันผู้ประกอบการมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่ต้นทุนที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นภาระที่หลีกเลี่ยงได้ยากและมีผลต่อความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
เพื่อลดแรงกดดันดังกล่าว ภาครัฐควรมีบทบาททั้งในด้านการสนับสนุนและการกำกับดูแล เช่น การลงทุนหรือสนับสนุนศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างครอบคลุมในทุกพื้นที่ เพื่อสร้างศูนย์รวบรวมสินค้า สร้างประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าและลดต้นทุน การผลักดันให้ธุรกิจเลือกใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาดพร้อมมาตรการจูงใจที่ชัดเจน และการจัดการกฎและระเบียบการใช้ถนน อาทิ เวลาใช้ถนนของรถขนส่ง การเข้าถึงพื้นที่จอดรถ และการเข้าถึงของยานพาหนะในพื้นที่ที่แตกต่างกัน ให้เหมาะสมเพื่อลดปัญหาจราจรและข้อขัดแย้งระหว่างผู้ใช้ถนนที่มีความหลากหลาย ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบขนส่งด่วนพัฒนาไปได้โดยไม่ผลักต้นทุนและความเสี่ยงไปสู่แรงงานและผู้ประกอบการรายย่อยเกินจำเป็น

อาจารย์ ดร.วิท วรรณไกรโรจน์ ผู้ช่วยอธิการบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชี้ให้เห็นว่าการแข่งขันของธุรกิจนี้ว่าแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นสำคัญ คือ
- ธุรกิจที่อยู่รอดได้มักมีเงินทุนจากต่างประเทศ ทำให้ดำเนินกิจการได้นานกว่า
- กลยุทธ์ “ส่งฟรี ส่งด่วน” เป็นการสร้างกับดักให้ผู้บริโภคติดกับความสะดวกสบาย ทำให้ยากจะเปลี่ยนใจไปใช้เจ้าอื่น
- ในอนาคตจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่ ๆ ไม่กี่ราย ส่งผลกระทบต่อทางเลือกของผู้บริโภค ขณะที่ไทยยังขาดการกำกับดูแลจากภาครัฐที่เข้มงวดพอเกี่ยวกับการแข่งขันของธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
พร้อมทิ้งท้ายถึงข้อเสนอต่อภาครัฐไว้ว่า หากสุดท้ายแล้ว ธุรกิจที่อยู่รอดเหลือเพียงไม่กี่รายเท่านั้นในตลาด จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ภาครัฐควรเร่งการบังคับใช้และยกระดับกฎหมายการแข่งขันทางการค้า และ กำกับดูแลแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันพฤติกรรมกีดกันทางการแข่งขันและเพิ่มความเข้มแข็งการคุ้มครองผู้บริโภค

ด้าน ผศ.ดร.มาโนช ชุ่มเมืองปัก อาจารย์ภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ กล่าวว่า แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสะท้อนโลกธุรกิจโลจิสติกส์ แต่ก็ยังไม่ครบถ้วน ยังมีมุมที่ถูกละเลย เช่น ปัญหาความไม่เป็นธรรมของแรงงาน หรือสภาพการทำงานที่กดดันมากขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่ใช้กลยุทธ์ “ส่งฟรี ส่งด่วน” ดึงดูดลูกค้า แต่ก็อาจกลายเป็นแรงกดดันต่อคนทำงานไปในเวลาเดียวกัน ภาพยนตร์จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นเบื้องหลังการทำงานของธุรกิจนี้ได้ชัดเจนขึ้น

การเสวนาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า “สงครามส่งด่วน” ไม่ใช่แค่การแข่งขันทางธุรกิจ แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย ได้แก่ แรงงาน ผู้บริโภค ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้กำหนดนโยบายเข้าด้วยกัน หากทุกภาคส่วนสามารถร่วมกันกำหนดกฎ กติกา ที่เป็นธรรมและยั่งยืน ระบบโลจิสติกส์ในเขตเมือง (urban logistics) ไทยก็จะพัฒนาไปได้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ท้ายที่สุด “สงครามส่งด่วน” ยังทิ้งโจทย์สำคัญที่ต้องการคำตอบร่วมกันว่าสงครามส่งด่วน season 2 ในโลกของความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร ภาครัฐจะมีบทบาทหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายได้จริงจังและชัดเจนเพียงใด ภาคเอกชนจะยอมลดแรงกดดันที่ผลักภาระไปสู่แรงงานหรือไม่ และผู้บริโภคจะตระหนักถึงสิทธิของตน พร้อมเข้าใจต้นทุนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสะดวกสบายมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ระบบขนส่งในเขตเมืองของไทยเดินหน้าไปอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน?